ถ้าใครที่เป็นสายชอบดูหนังเก่าหรือว่าชื่นชอบการดูหนังมาตั้งแต่อดีตคุณก็ต้องเคยได้ยินหนังที่มีชื่อว่าอินเดียน่าโจนส์กันมาอยู่บ้างเพราะว่าหนังเรื่องนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนังในระดับตำนานที่ไม่ต้องถามเรื่องชื่อเสียงหรือความนิยมเลยแต่ว่าหนังแฟรนไชส์นี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้วใครหลายๆคนก็คงจะคิดถึงการ ดูหนังที่มีความสนุกแบบนี้กันบ้าง

และในวันนี้พวกคุณนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรอคอยกันอีกต่อไปเพราะว่าเขานั้นได้กลับมาแล้วกับหนังที่มีชื่อเรื่องว่า Indiana Jones and the Dial of Destiny อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตาที่จะมานำพาให้เรานั้นได้เห็นการผจญภัยได้ถูกสานต่อในรอบกว่าสิบปีกับชายผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นนักผจญภัยระดับตำนานและอาจจะนำพาเราไปพบกับจุดหมายปลายทางที่เป็นบทสรุปของเราสักที เราอาจจะต้องมาโบกมือลาเขาไปได้แล้วเสียทีและในตอนนี้ชายหนุ่มนักผจญภัยที่ข้างกายของเขานั้นมีเพียงแช่จะพาเรากลับเข้าไปย้อนถึงบรรยากาศในวันวานที่เรานั้นเคยรู้จักกันอีกครั้ง

การผจญภัยครั้งใหม่ใน Indiana Jones and the Dial of Destinyก็จะพูดถึงชายที่ชื่อว่า อินดี้ที่ในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมานานจนเขานั้นได้รู้ตัวแล้วว่าตัวของเขานั้นกำลังเข้าสู่ช่วงที่ต้องเกษียณเต็มทีแต่ในตอนนี้เขาก็ยังคงหาวิธีในการปรับตัวให้เหมาะกับโลกใบนี้ที่ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปเสียแล้ว แต่ถ้าหากว่าเจ้าปีศาจที่เป็นคู่ปรับของเขาตัวเดิมได้กลับเข้ามาสู่โลกใบนี้กันอีกครั้ง ชายที่มีชื่อว่าอินดี้ก็คงจะต้องออกมาจับแซ่เพื่อฟาดฟันกันอีกครั้งไปกับหมวกอันคู่ใจของเขาและต้องทำการเข้าช่วยเหลือโบราณที่มีพลังเหนือกว่าที่เราจะคาดคิดจากผู้ที่ไม่ประสงค์ร้ายและผู้ที่ต้องการจะมาช่วงชิงสมบัติเหล่านี้ไปครอบครองเป็นของตนเอง

ในภาคนี้ผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์ก เวลามาเป็นผู้สั่งต่อตำนานที่เขานั้นได้เคยสร้างเอาไว้อีกแล้ว เขานั้นได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้กำกับที่ควบคุมการกำกับหนังเรื่องนี้ผ่านข้างหลังกล้อง มาเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้แทน เขาเรียกที่จะวางมือและส่งตำนานนี้ไปให้กับผู้กำกับหน้าใหม่ที่มีฝีมือมากที่สุดในปัจจุบันที่ได้เกิดขึ้นมานั้นก็คือเจมส์ แมนโกลด์ ก็ต้องคราวนั้นได้มีการนำการผจญภัยในรูปแบบใหม่โดยใช้แนวทางใหม่ๆในการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยตัวเขานั้นมีเพียงหวังไว้แค่ว่าใครก็ตามที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ต้องชื่นชอบหนังของเขาเป็นอย่างแน่นอน

ดังนั้นสรุปแล้วว่า Indiana Jones and the Dial of Destiny ยังคงเป็นหนึ่งในหนังที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับพวกเราได้อีกเหมือนเดิมถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ภาคที่ชอบที่สุดของแฟรนไชส์นี้ โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้นั้นได้เข้ามาอยู่ในใจของทุกคนนั่นก็คือการได้ลงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆต่างๆ ที่เป็นเสน่ห์หลักของภาคใหม่นี้เลย